สวัสดีปีใหม่ครับเพื่อน ๆ สำหรับใครที่กำลังมองหารถสักคันมาใช้ แต่ตัวเองยังไม่เคยใช้รถใช้ถนน มือใหม่หัดขับนั่นเอง มีหลาย ๆ เรื่องที่ควรรู้เพราะคนเรามักชอบคิดว่าอุบัติเหตุเป็นเรื่องไกลตัว แต่สำหรับเมืองไทยของเราอันตรายบนท้องถนนนั้นสูงครับ ทำไมต้องมี 7 วันอันตราย แล้วเพื่อน ๆ ก็ลองดูยอดการเสียชีวิต ยอดการเกิดอุบัติเหตุ มันน่าตกใจนะครับที่เวลาเทศกาลทั้งที ต่างคนต่างก็อยากกลับบ้านไปเจอครอบครัวแต่ต้องมาประสบอุบัติเหตุขึ้น เราไม่ได้ประมาทก็จริงแต่บนถนนก็ไม่ได้มีแค่เรานะครับ อุบัติเหตุที่ว่านี้รวมไปถึง ภัยธรรมชาติ น้ำท่วมหรือไฟไหม้ และสูญหาย ดังนั้นการที่จะทำให้เราได้ลดค่าใช้จ่ายได้ในตอนที่เกิดอุบัติเหตุ เยียวยาผู้ประสบเหตุได้ จะต้องมีประกันภาคสมัครใจเข้ามาดูแลตรงนี้ ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ถือเป็นที่นิยมที่สุดแล้วเพราะความคุ้มครองนั้นสูงสุด ครอบคลุมหลาย ๆ อย่าง จึงเป็นที่นิยม วันนี้ผมยกตัวอย่างมากับ 7 เหตุผลที่ต้องทำประกันภัย เราไปดูกันเลยดีกว่า
7 เหตุผลที่ต้องทำ ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1
การทำประกันส่วนใหญ่มีอยู่สองอย่าง กลัวเราไปชนเขา ไม่ก็กลัวเขามาชนเรา ซึ่งทางประกันภัยเขาก็มี ประเภทต่าง ๆ ประกันชั้น 1, 2+,3+,2,3 ซึ่งแต่ละชั้นก็มีความคุ้มครองแตกต่างกันออกไป แต่สำหรับ ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ที่ถือได้ว่าเป็นที่นิยมที่สุด ครอบคลุมให้ความคุ้มครองมากที่สุด จะเด่นที่สุดในเรื่อง การชน ซึ่งจะสามารถไม่ต้องมีคู่กรณีก็ได้ เคลมได้ แต่อาจจะต้องเสียค่าเสียหายส่วนแรก ( Excess ) ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละบริษัทประกันภัย
- ประกันชั้น 1 คุ้มครองครอบคลุมสูงสุดทั้งชีวิตและทรัพย์สินของผู้เอาประกันและคู่กรณี ไม่ว่าจะกรณีรถชน รถสูญหาย ไฟไหม้หรือน้ำท่วม
- เป็นหลักค้ำประกันให้กับโรงพยาบาลว่าจะได้รับค่ารักษาพยาบาล
- แบ่งเบาภาระของผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถ หากมีความผิดในอุบัติเหตุนั้นๆ
- สร้างความมั่นใจในการใช้งานรถ พร้อมกับรับผิดชอบต่อสังคมโดยรวม
- ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุจากภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม กิ่งไม้รถใส่
- ป้องกันการสูญหายของรถจากเหล่าหัวขโมย
- ค่าใช้จ่ายหลังการเกิดอุบัติเหตุที่สูงมาก ค่าซ่อมรถ ค่ารักษาพยาบาล ค่าทนาย
ประกันแต่ละชั้นคุ้มครองอะไรบ้าง
- ประกันรถยนต์ชั้น1 ให้ความคุ้มครองในกรณี ( ซ่อมเขา + ซ่อมเรา + สูญหาย + ไฟไหม้ )
- ประกันรถยนต์ชั้น2+ ให้ความคุ้มครองในกรณี ( ซ่อมเขา + ซ่อมเรา + สูญหาย + ไฟไหม้ )
- ประกันรถยนต์ชั้น3+ ให้ความคุ้มครองในกรณี ( ซ่อมเขา + ซ่อมเรา )
- ประกันรถยนต์ชั้น2 ให้ความคุ้มครองในกรณี ( สูญหาย + ไฟไหม้ + ซ่อมเขา )
- ประกันรถยนต์ชั้น3 ให้ความคุ้มครองในกรณี ( ซ่อมเขา )
ดังนั้น หากเพื่อน ๆ ขับรถไปชนคนอื่นในกรณีที่ตัวเองเป็นฝ่ายผิด ถึงจะด้วยความไม่ตั้งใจก็ตาม อุบัติเหตุเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิด คุณจะต้องชดใช้ค่าเสียหาย ค่าซ่อมรถ ค่ารักษาพยาบาล ของคู่กรณีอีก ลองคิดดูนะครับ หากเพื่อน ๆ ไม่มี ประกันภัยรถยนต์ จะต้องควักกระเป๋าจ่ายไม่รู้เท่าไหร่ หมดตัวกันไปเลยก็มี เพื่อน ๆ ก็จะเห็นข้อดีข้อเสียของแต่ละ ชั้น แล้วว่าต่างกันอย่างไร มีข้อดีข้อเสียไม่เหมือนกันครับ ขึ้นอยู่กับแนวทางของเพื่อน ๆ ด้วยว่าการใช้ชีวิต นิสัย เป็นอย่างไร
เป็นอย่างไรกันบ้างครับเพื่อน ๆ พอจะได้แนวทางในการทำประกันภัยติดตัวไว้หรือเปล่า สำหรับมือใหม่ป้ายแดง หวังว่าข้อมูลที่ได้อ่านกันวันนี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย และก็สวัสดีปีใหม่ครับทุกคน ขอให้เดินทางปลอดภัย โดยสวัสดิภาพ